กล้วยชวาสีฟ้า (Blue Java Banana)
มาทำความรู้จักกับ “กล้วย” ผลไม้ที่เราคุ้นเคยกันดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้นทีเดียว ตั้งแต่ลำต้น ใบ ดอก และ ผลกล้วยมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมและกล่าวถึงกันมาก คือ กล้วยชวาสีฟ้า หรือกล้วยชวาฟ้า นั่นเอง
กล้วยชวาสีฟ้า (Blue Java banana) หรือบางทีอาจพบเรียกกันว่า กล้วยไอศกรีม (Ice Cream banana) ด้วยเหตุผลที่ว่า เนื้อของกล้วยสายพันธุ์นี้มีลักษณะคล้ายกับไอศกรีม และยังมีกลิ่นใกล้เคียงกับกลิ่นของวนิลา (vanilla) อีกด้วย จึงเปรียบได้กับไอศกรีมวนิลา หรือพุดดิ้งวนิลา (vanilla pudding) กล้วยชวาสีฟ้า ยังมีชื่อเรียกอื่นๆนอกเหนือจากที่เรียกว่า กล้วยไอศกรีมในฮาวาย กล้วยฮาวาเอี้ยน (Hawaiian banana) ในฟิจิ Krie ในฟิลิปปินส์ และเซนิโซ (Cenizo)ในอเมริกากลาง
กล้วยสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่ได้จากการผสมของกล้วยตานีและกล้วยป่า มีถิ่นกำเนิดทางเอเซียใต้ พบได้มากทางตอนเหนือของออสเตรเลีย และพบว่ามีขึ้นในอีกหลายพื้นที่เช่นกัน ทั้งนี้หากพิจารณาดูที่ลักษณะของผลแล้วมีความคล้ายคลึงกับกล้วยน้ำว้าที่เราคุ้นเคยกันดี เพียงแต่สีผิวหรือส่วนที่เป็นเปลือกจะมีสีฟ้าอมเขียวเล็กน้อย (blue-green skin) หรือสีฟ้าเงิน (silvery blue)
กล้วยชวาสีฟ้า มีลำต้นสูงประมาณ 4.5 - 6 เมตร (หรือราว 15 - 20 ฟุต) มีระบบรากที่แข็งแรง ต้านทานแรงลมได้ดี ใบสีเขียวเงิน (silvery green) ผลมีลักษณะสั้นและอ้วนป้อม ในแต่ละหวีมีประมาณ 7 - 9 ลูก ความยาวของผลโดยทั่วๆไปประมาณ 18 - 23 ซ.ม. เปลือกนอกเมื่อยังดิบจะมีสีผิวเป็นสีฟ้าอมเขียวหรือสีฟ้าเงิน เมื่อยังดิบหรือห่ามอยู่ จากนั้นจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนเมื่อแก่จัด ในขณะที่เนื้อละเอียดสีขาวครีม กลิ่นคล้ายไอศกรีมวานิลา สามารถกินดิบได้ หรืออาจนำไปประกอบอาหารต่างๆ
การปลูกกล้วยสายพันธุ์นี้ให้ได้ผลดี ควรปลูกและเลี้ยงดู ในสภาพอากาศ ที่มีอุณหภูมิค่อนข้างเย็น ประมาณ 0-5 องศาเซลเซียส และเคยพบว่าแม้อุณหภูมิต่ำถึง -7 องศาเซลเซียส ยังทนได้ ชอบแสงแดดตั้งแต่แดดจัดจนถึงมีร่มเงาบางส่วน หลังจากปลูกแล้วประมาณ 15 - 24 เดือน ต้นจึงเริ่มโตเต็มที่และพร้อมมีดอก จากนั้นสามารถเก็บใช้งานได้ในราว 115 - 150 วัน
เนื้อกล้วยมีปริมาณโพแทสเซียมและแร่ธาตุอื่นๆค่อนข้างสูงมาก และจากการที่มีกลิ่นคล้ายวนิลา จึงมีผู้นิยมนำมาทำเป็นไอสกรีมไขมันต่ำได้รสชาติดีอีกด้วย เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักแต่ยังติดความเป็นเนื้อครีมของไขมันเบาๆอยู่ เนื่องจากในเนื้อกล้วยสุกปกตินั้นมีเพคติน (pectin) ที่สามารถทดแทนสารกัมในการทำไอสกรีม และให้ผิวสัมผัสหลอกลิ้นที่คล้ายครีม (creaminess)
**********************************************
ขอบคุณ ข้อมูลและภาพจากอินเทอร์เน็ต