ลิลลี (lily) เป็นไม้ดอกประเภทหัว (bulb) มีดอกขนาดใหญ่เป็นสง่าและสวยงามมาก บางชนิดมีกลิ่นหอมมาก ส่วนใหญ่จะปลูกบนที่สูง เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่หนาวเย็น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน และบริเวณตอนเหนือของญี่ปุ่น มีฉายาว่า "ดอกไม้ของเจ้าหญิง” ดอกลิลี่เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ สดใส ไร้เดียงสา จึงมักนำมาใช้ประดับในงานสังสรรค์รื่นเริง เป็นตัวกลางในการสื่อความหมาย โดยจะมีความหมายจำเพาะตามสีของดอก
ขอบคุณภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต
ลิลลี่ที่นิยมปลูกในปัจจุบันคือ ลิลลี่ปากแตร ดอกมีรูปทรงเหมือนแตร สีขาวมีกลิ่นหอม ในต่างประเทศเรียกว่า “Easter lily” และอีกชนิดหนึ่ง เป็นลูกผสมเอเชีย (Asiatic hybrids) มีช่อดอกตั้ง หลายสี ดอกไม่หอม แต่ถ้าเป็นอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีดอกหอมมาก และราคาแพง คือ ลูกผสม Oriental hybrids
ในพื้นที่ของโครงการหลวง เช่น ดอยปุย ดอยอ่างขาง และดอยอินทนนท์ มีลิลลี่พันธุ์พื้นเมือง เรียกว่า “ลิลลี่ดอย”ขึ้นในป่า จะออกดอกในเดือนสิงหาคม ดอกหอมมากโดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มีอากาศหนาวเย็น
ความหมายของดอกลิลลี่สีต่างๆ
ดอกสีขาว แสดงออกถึง “ความรักที่บริสุทธิ์” อ่อนหวาน อ่อนโยน จริงใจ แสนดี และเทิดทูน เสมือนกับเป็น รักแรกพบ
ดอกสีชมพู แสดงออกถึง การค้นหาความรักที่ดีที่สุดแล้วพบ เป็นดอกไม้ที่ผสมผสานอารมณ์ของความรักได้ อย่างลงตัว สื่อถึงความรักความจริงใจที่มี นอกจากนี้ยังนิยมที่จะมอบให้แก่คนรักอีกด้วย
ดอกสีส้ม แสดงออกถึง ความร่าเริง สดใส ความปิติสุขที่ได้อยู่ใกล้ เป็นดอกไม้ที่นำความน่ารักและความสดใสมารวมกันอย่างพอดี จึงนิยมให้แก่เพื่อนสนิท หรือคนรู้จัก
ดอกสีเหลือง แสดงออกถึง ความอบอุ่นห่วงใย อยากให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันอันตราย
ลักษณะทั่วไป
ลิลลี่เป็นไม้ดอกที่มีหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน หัวของลิลลี่ คือ ส่วนของลำต้นที่อัดตัวกันแน่น ประกอบด้วยฐานของหัว ลักษณะเป็นแผ่นแบน ๆ ด้านบนเป็นกลีบเรียงซ้อนกันเป็นชั้นคล้ายกลีบหอมหัวใหญ่ ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหาร ด้านล่างของฐานจะมีรากงอกออกมา หัวของลิลลี่จะเจริญเติบโตและเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปีจะสร้างจุดเจริญใหม่ภายในหัว เมื่อหัวพัฒนาเต็มที่และได้ผ่านช่วงฤดูหนาวเกิดการทำลายการฟักตัวของหัว ยอดใหญ่จะเจริญเติบโตเป็นลำต้นเหนือดิน และส่วนยอดจะสร้างช่อดอก ซึ่งดอกจะมีกลีบดอก 6 กลีบ แยกออกจากกัน มีเกสรตัวผู้ชูขึ้นใจกลางดอก ลิลลี่นั้นมีหลายสี มีทั้งสีขาว ชมพู ส้ม แดง ม่วง และมีสองสีในดอกเดียวกัน ดอกจะบานอยู่ได้ราว 2 - 4 วัน
ลิลลี่เป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงประมาณ 2 - 6 ฟุต (หรือ 60 - 180 เซนติเมตร) มีการสร้าง Bulb เปลือยเปล่าที่สามารถมีชีวิตอยู่ใต้ในฤดูหนาว สามารถพัฒนาไปเป็นไรโซม (rhizomes) หรือ stolon ได้ในบางสายพันธุ์
ปัจจัยสำคัญในการปลูกลิลลี่
สภาพที่เหมาะสมในการปลูก
1. วัสดุปลูก ลิลลี่ปลูกได้ในดินที่มีการระบายน้ำ และอากาศดี มีอินทรีย์วัตถุสูง ph 6 – 7 รักษาความชื้นในแปลงโดยการคลุมดิน ด้วยวัสดุคลุมดิน เช่น ฟางข้าว หรือเปลือกถั่ว
2. อุณหภูมิ ช่วงแรกของการเจริญเติบโต ต้องการอุณหภูมิประมาณ 12 – 15 ซ.หากต่ำกว่านี้จะทำให้ยอดเจริญช้าเกินไป หลังจากนั้นอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตของลิลลี่ คือ กลางคืน 14 – 16 ซ. และกลางวัน 22 – 25 ซ.
3. ความชื้น ที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ของลิลลี่ คือความชื้น สัมพัทธ์ ร้อยละ 80 – 85 ควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงความชื้นแบบกระทันหัน อาจจะทำให้เกิดใบไหม้ (leaf scorn) ในพันธุ์ที่อ่อนไหว หากจะมีการเปลี่ยนแปลงควรค่อยเป็นค่อยไป โดยอาจใช้การพรางแสง การระบายอากาศ และการให้น้ำ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
4. แสง ในช่วงอากาศร้อน อุณหภูมิสูง ทำให้คุณภาพดอกต่ำ ในช่วงแดดจัดควรพรางแสงให้ลิลลี่กลุ่มเอเชียติก และลองจิฟลอรัม ร้อยละ 50 ส่วนกลุ่มออเรียนเทิล ร้อยละ 70 การพรางแสง ยังช่วยรักษาความชื้นด้วย
การปลูก
แปลงปลูก ควรยกแปลงให้สูงประมาณ 20 - 30 ซ.ม. กว้าง 1 ม. และเว้นทางเดิน 50 ซ.ม.
ระยะปลูก ขึ้นอยู่กับขนาดของหัวพันธุ์ เมื่อได้รับหัวพันธุ์ ในลักษณะแช่แข็ง (-4 องศาเซลเซียส) ให้เปิดถุงพลาสติกในร่มมีหลังคา และปล่อยให้ละลายในถุง เป็นเวลา 1 - 2 วัน จากนั้น จึงนำไปปลูก โดยขุดหลุม และกลบดินเหนือหัวพันธุ์ประมาณ 10 -15 เซนติเมตร เพื่อให้รากที่เกิดขึ้นบนต้นเหนือหัวพันธุ์ เจริญได้สมบูรณ์ที่สุด ร้อยละ 90 ของการเจริญของลิลลี่ขึ้นอยู่กับรากนี้
การให้น้ำ
ควรให้น้ำ 2 – 3 วันก่อนปลูกเพื่อให้ดินชื้น ในระยะแรกที่ปลูกใหม่ จากนั้น ควรรดน้ำวันละครั้ง ในช่วงเช้า พยายามให้ดินมีความชื้นอยู่เสมอ
การให้ปุ๋ย
ควรใส่ปุ๋ยคอกเก่าๆ หรือปุ๋ยหมัก ปริมาณ 1 ลูกบาตรเมตร ต่อพื้นที่ 100 ตรม. ให้ปุ๋ยครั้งแรก 3 สัปดาห์หลังปลูก ควรให้ปุ๋ย แคลเซี่ยมไนเตรต สูตร 15–0–0 อัตรา 1 ก.ก. ต่อพื้นที่ 100 ตรม. ต่อมาให้สูตร 12 – 10 – 18 ทุก 2 สัปดาห์ หลังตัดดอกแล้วหากต้องการเก็บหัวพันธุ์ ควรให้ปุ๋ยที่มี โปแตสเซี่ยมสูง เพื่อช่วยในการพัฒนาหัว เช่น สูตร 13–13-21 ทุก 2 สัปดาห์
อ้างอิง : วิกีพีเดีย