กระบองเพชรทานผล (prickly pear)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Opuntia ficus indica
ต้นกระบองเพชร มีหลากหลายสายพันธ์ มีรูปร่างแปลกๆ บางชนิดก็มีดอกที่สวยงามไม่แพ้ต้นไม้ชนิดอื่น จึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อความสวยงาม หรือปลูกเล่นเป็นงานอดิเรก ปัจจุบันพบว่า มีต้นกระบองเพชรบางพันธุ์ที่กินได้ทั้งใบและผล เช่น สายพันธุ์ Opuntia โดยผลของกระบองเพชรมีลักษณะคล้ายลูกแพร์จึงเรียกกันว่า prickly pear ผลมีสีต่างกันไปขึ้นกับพันธุ์ เช่น var.iutea ผลสีเหลือง var. rubar ผลสีแดง cv.Asperma ผลเล็กสีเหลืองและมีเมล็ดขนาดเล็ก var.serotima มีผลสีเหลืองแต่ออกผลช้ากว่าพันธุ์อื่น มีรสหวานอร่อย แต่มีเม็ดข้างในแข็งๆ จำนวนมาก นำมากินสดๆ คั้นน้ำทาน และแปรรูปได้ แต่หนามที่เปลือกผลนั้น เล็ก และคม
ประโยชน์ : มีมากมาย เช่น (1) ช่วยควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (2) สารสกัดจากกระบองเพชรสายพันธุ์ Opuntia ficus indica มีคุณสมบัติในการช่วยลดการดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกาย โดยมีส่วนของเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะทำหน้าที่จับกับไขมันที่เรารับประทานเข้าไป จึงนิยมนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักอีกด้วยลดน้ำหนัก
คำแนะนำการเพาะปลูกแคคตัส
ความต้องการแสง : เป็นพืชที่ต้องการแสงในการงอกและเติบโต
อุณหภูมิในการเพาะ : 20 - 25 ℃
อุณหภูมิเติบโต : 18 - 40 ℃
ระยะเวลางอกโดยเฉลี่ย : 7 - 15 วัน
ความลึกในการฝังเมล็ด : ผิวดิน ไม่ต้องลึก
ความชื้น : เก็บเมล็ดในที่ชื้นจนกว่าจะนำไปเพาะ
ระยะห่างการเพาะ : 10 x 15 ซ.ม.
เทคนิคการเพาะเมล็ด
1. เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด แนะนำให้ใช้ดินผสมเป็นการเฉพาะสำหรับปลูกแคคตัสและพืชอวบน้ำที่มีขายตามตลาดต้นไม้
2. เลือกใช้ภาชนะปลูกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 - 6 นิ้ว และความลึกราว 3 - 5 นิ้ว
3. นำดินเพาะใส่ลงภาชนะ วางเมล็ดลงบนหน้าดิน ปิดทับด้วยดินหรือทรายบางๆ แล้วใช้สเปรย์พรมน้ำให้ทั่วหน้าดิน มีความชื้นพอสมควร ไม่มีน้ำขัง
4. นำภาชนะปลูกไปวางในที่แดดรำไร หรือหากไม่สะดวกอาจใช้แสงจากฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดไฟดวงแทนก็ได้
หน้าที่เข้าชม | 3,275,093 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,314,411 ครั้ง |
เปิดร้าน | 12 พ.ย. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |